ขอยกเอาบทความที่เขียนไว้ที่บล๊อค oknation ตั้งแต่ปี 2553 มารวบรวมไว้ที่นี่อีกที่ครับ
http://www.oknation.net/blog/HOF/2010/02/03/entry-1
ชีวิตคนในชนบท หรือ ต่างจังหวัดไทย มักจะต้องเคยสัมผัสกับเพลงลูกทุ่ง
ลองหลับตานึกย้อนไปในอดีตดูน่ะครับ หลังจากเลยงานจากท้องทุ่ง ความบันเทิงในอดีตของคนไทยในยุคประมาณ 60' ประมาณพ.ศ. 2500 คือ งานวัด เวทีรำวง เพลงพื้นบ้าน ในยุคเริ่มแรกของวิทยุทรายซิสเตอร์ ที่เริ่มมีสถานีวิทยุถ่ายทอดการกระจายเสียง ทำให้เกิดเพลงที่เรียกว่าเพลงลูกทุ่ง ครูเพลงที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ อย่างครูสุรพล สมบัติเจริญ ได้นำเพลงรำวงพื้นบ้านมาประยุกต์ เป็นทำนองเพลงสนุกสนาน เนื้อหามักจะเป็นการเกี้ยวสาว ( ประมาณปี พ.ศ. 2506 –2513 ) นักร้องในยุคนี้ยังมีแก้ว ก้านสุพรรณ , ผ่องศรี วรนุช , ทูล ทองใจ , และคำรณ สัมบุณนานนท์
โปสเตอร์ หนังเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ปี 2513
ในส่วนของหนังไทยในอดีต มีการนำเพลงมาประกอบภาพยนตร์ตั้งแต่ยุคแรกๆที่มีหนังเสียงกันเลย เพราะพื้นฐานแรกๆของนักแสดง เดิมมาจากละครร้องของไทย จะมาเด่นชัดมากคือ หนังเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ( 2513 ) ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้สร้างนักร้องที่มีชื่อเสียงขึ้นมาคือ ไพรวัลย์ ลูกเพชร , บุปผา สายชล ( ดูรายละเอียดที่ ..http://www.oknation.net/blog/moviehall/2007/07/01/entry-1)
หนังเรื่องโทน ได้ทำให้ สังข์ทอง สีใส มีชื่อเสียงขิ้นมา ( เพลงโทน เพลงนิ้งหน่อง ฯลฯ) และ นักร้องที่โด่งดังในยุคนี้ เช่น ระพิน ภูไท , เสกศักดิ์ ภู่กันทอง, ศรคีรี ศรีประจวบ , สมัย อ่อนวงศ์ , พนม นพพร , ยุพิน แพรทอง , ชาตรี ศรีชล , กาเหว่า เสียงทอง, กังวานไพร ลูกเพชร ฯลฯ
นักร้องลูกทุ่งที่ผมมักจะฟังในสมัยเด็ก นอกจาก ครูสุรพล ก็มี เพลิน พรมแดน , ชาย เมืองสิงห์ ,พร ภิรมย์ ,ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ,ศรคีรี ศรีประจวบ , ศรเพชร ศรสุพรรณ , ผ่องศรี วรนุช ,บุปผา สายชล เรียม ดาราน้อย , รวงทอง ทองลั่นทม
นักร้องที่ได้รับความนิยมสูงสุด
พุ่มพวง ดวงจันทร์ และ สายัญ สัญญา
แต่พอมายุคต่อมา ที่วงลูกทุ่งเริ่มมีกันอย่างแพร่หลาย ยุคนี้มีการตะเวนทัวร์ทั่วประเทศ เรียกว่าเป็นยุคทองของลูกทุ่ง ตามงานวัดต่างๆ เวทีลิเกถูกเบียดด้วย หนังเปิดวิก และ วงลูกทุ่ง เรียกว่าเป็นยุคที่ลิเกถูกเบียดด้วยวงลูกทุ่ง และ หางเครื่องกว่า 100 ชีวิต ผมเริ่มย้ายมาเรียนต่อ ก็พักอยู่ใกล้ๆ ซ. บุปผาสวรรค์ ที่ชาวลูกทุ่งคงรู้จักกันดี แต่ชีวิตผมก็เริ่มห่างไกลจากการฟังเพลง อิอิ ช่วงนั้น ตั้งใจเรียนจะเข้ามหาลัยน่ะครับ ทำให้ผมไม่ค่อยจะได้ฟังเพลงมากนัก นักร้องในยุคนี้ จึงมักจะมีวงเป็นของตนเอง รายได้อยู่กับการทัวร์ ต่างจากในยุคก่อนที่ต้องได้อัดแผ่น และโด่งดังตามวิทยุทรานซิสเตอร์ นักร้องที่มีวงออกทัวร์เช่น เช่น สายัณห์ สัญญา ศรเพชร ศรสุพรรณ สัญญา พรนารายณ์ บานเย็น รากแก่น น้ำอ้อย พรวิเชียร ฯลฯ
ในยุคที่ ทีวีเริ่มเข้ามาทุกครัวเรือน นักร้อง เริ่มต้องมีหน้าตาที่ดูดีใช้ได้มากขึ้น เพราะนอกจากจะกระจายเสียงออกคลื่นวิทยุแล้ว อาจจะยังต้องออกอากาศทางทีวีด้วย จึงเกิด ราชินีลูกทุ่ง อย่างพุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่นอกจากจะเสียงดี ยังมีลีลาการเต้น และรูปร่างหน้าตาที่ใช้ได้ การเกิดของนักร้องลูกทุ่ง มักจะเกิดจากการประกวดร้องเพลงตามงานวัดต่างๆ ซึ่งมักจะมีเวทีประกวดเสมอ และมีแมวมองไปพบ
จำลองการประกวดร้องเพลงในงานวัด โดย รายการชิงช้าสวรรค์
การเกิดขึ้นของแนวเพลงเพื่อชีวิต ในยุคสงครามเย็น ทำให้ผมเริ่มได้กลับมาสัมผัสบรรยากาศลูกทุ่งที่แนวเพลงเพื่อชีวิตหยิบเอามาใช้
การเกิดขึ้นของแนว 3 ช่า ที่ได้หยิบเอาเพลงลูกทุ่งดังเดิมมาพัฒนาจนกลายเป็นเพลงเต้นรำในยุคใหม่ที่เรียกว่าดิ้น แบบ ฟรีสไตล์
เมื่อยุคต่อมา จากการกลายพันธุ์ของเพลงเพื่อชีวิต จากบทเพลงแห่งการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ มาสู่การต่อสู้เพื่อปากท้องตัวเอง และเข้าสู่ผับ จนเกิด ผับเพื่อชีวิตทั่วบ้านทั่วเมือง
ขณะที่ เพลงลูกทุ่ง เนื้อหาก็และรูปแบบก็เปลี่ยนแปลงไป จากเนื้อหากลิ่นไอของท้องทุ่ง เข้าสู่เมือง ในยุคนิกส์ เพลงลูกทุ่งเข้าสู่คลับบาร์ และเพลงอ้อนแขก ที่จะมีความเป็น 2 แง่ สามง่ามมากขึ้นในเนื้อหาเพลง และมีศิลปินที่โด่งดังขึ้น และเป็นที่จดจำของแฟนเพลงได้ในเพลงเดียว เช่น
" สมศรี 1992" ที่สร้างให้ ยิ่งยง ยอดบัวงาม โด่งดังในทันที
"เลิกแล้วค่ะ " ทำให้ อาภาพร นครสวรรค์ เป็นที่รู้จัก
" โบว์รักสีดำ" ทำให้ ศิริพร อำไพพงษ์
" สาวรำวง" อ้อย กระท้อน
"คุณลำใย" ลูกนก สุภาพร
"ยาใจคนจน " ไมค์ ภิรมย์พร
"รักน้องพร " สดใส รุ่งโพธิ์ทอง
ฯลฯ
แม้จะห่างไกลจากกลิ่นไอดิน แต่ผมก็มีมักจะคิดถึงเพลงลูกทุ่งเก่าๆ เสมอ จึงมักมีการนำเพลงลูกทุ่งยุคเก่ามาทำใหม่ และนักร้องที่มักจจะร้องเพลงเก่ามาทำใหม่ ได้แก่ นิคส์ นิรนาม , จักรพรรณ์ อาบครบุรี , เทียรี่ เมฆวัฒนา , ต้อม เรนโบว์
นักร้องลูกทุ่งยอดนิยมในปัจจุบัน ต่าย อรทัย
ในยุคที่ค่ายเพลง เริ่มเข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในวงการเพลงไทย ค่ายใหญ่ที่ครองตลาด มีแกรมมี่ โกลด์ ครองส่วนแบ่งการตลาดเพลงลูกทุ่งทั่วประเทศ 65% ส่วนอาร์สยาม 19% และอื่นๆ 16 % นักร้องที่มีชื่อเสียงในยุคนี้นอกจากด้านบน
ฝ่ายหญิง จินตหรา พูนลาภ , ดาว มยุรี , สุนารี ราชสีมา , นิตยา บุญสูงเนิน ฯลฯ และรุ่นใหม่ที่มาแรง เช่น ต่าย อรทัย , แมงปอ ชลธิชา , เอิร์น เดอะ สตาร์ , ตั๊กแตน ชลดา ฯลฯ
ฝ่ายชาย ก๊อต จักรพรรณ์ , เสรี รุ่งสว่าง , สดใส รุ่งโพธิ์ทอง , ไมค์ ภิรมย์พร , หนู มิเตอร์ ฯลฯ
ขออภัยที่เอ่ยชื่อไม่ทั่วถึงน่ะครับ เพราะนักร้องลูกทุ่งมีมากมายเหลือเกิน
ในขณะที่ยุคดิจิตอลเริ่มเข้ามา เริ่มมีเพลง รับสาย รอสาย ออกมามากขึ้น รายได้ของค่ายเพลง มาอยู่ที่การโหลดเพลงรอสาย เพลงในยุคนี้ จึงต้องเป็นอย่างนี้ล่ะครับ
จากบทเพลงแบบบ้านๆ "มนต์รักลูกทุ่ง" , "กินอะไรถึงสวย" , "ข้างขึ้นเดือนหงาย" , " สาวนาสั่งแฟน" ," ไอ้หนุ่มรถไถ" เพลงร้องโต้ตอบแบบ " หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ" สู่เพลงเนื้อหาสะท้อนสังคม เช่น " ฉันทนารอรัก " และจากชนบทสู่เมืองกรุง "สมศรี 1992" ลมหายใจของลูกทุ่งอมตะก็ยังอยู่ในใจเสมอ แม้ผมจะยังชอบเพลง " สาวรำวง"อยู่ ในยุคนี้ที่ไม่มีสาวรำวงให้ดูแล้ว "สาวเซเว่น" ก็ได้ครับ
กับเนื้อหาที่ไม่เคยห่างไกลจากคนกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำให้เพลงลูกทุ่งไม่ได้ตายไปจากสังคมไทย แม้ในท่วงทำนองยังคงเดิมมาหลายทศวรรษ แต่กลายเป็นความคุ้นหู และลูกทุ่งเองก็พัฒนารูปแบบมาโดยตลอดไปพร้อมกับสังคมไทย กลายเป็น นาฏดนตรีชนิดเดียว ที่ยังคงอยู่คู่คนไทยทุกยุค ทุกสมัย มาตราบเท่าทุกวันนี้ครับ ผมสรุปอย่างนี้ คุณเห็นด้วยไหมครับ
ในเดือนนี้ ซึ่งใกล้วันแห่งความรัก (14 กุมภา) ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป วันแห่งความรักของฝรั่ง ก็มาอยู่ในหัวใจคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงอยากร่วมสนุกโดยการมอบเพลงให้กับบล๊อคเกอร์ทุกคนโดยไม่ได้รับ Tag จากใครเป็นพิเศษครับ
ผมขอน้อมนำเพลง "ส้มตำ"
พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร สยามบรมราชกุมารี
เนื้อเพลง ส้มตำ
ต่อไปนี้จะเล่า ถึงอาหารอร่อย
คือส้มตำกินบ่อยๆ รสชาติแซบดี
วิธีทำก็ง่าย จะบอกได้ต่อไปนี้
มันเป็นวิธี วิเศษเหลือหลาย
ไปซื้อมะละกอ ลูกพอเหมาะเหมาะ
สับสับเฉาะเฉาะ ไม่ต้องมากมาย
ตำพริกกับกระเทียม ยอดเยี่ยมกลิ่นอาย
น้ำปลามะนาวน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บถ้ามี
ปรุงรสให้แซบหนอ ใส่มะละกอลงไป
อ้อ อย่าลืมใส่ กุ้งแห้งป่นของดี
มะเขือเทศเร็วเข้า ถั่วฝักยาวใส่เร็วรี่
เสร็จสรรพแล้วซี ยกออกจากครัว
กินกับข้าวเหนียว เที่ยวแจกให้ทั่ว
กลิ่นหอมยวนยั่ว น่าน้ำลายไหล
จดตำราจำ ส้มตำลาวเอาตำรามา
ใครหม่ำเกินอัตรา ระวังท้องจะพัง
ขอแถมอีกนิด แล้วจะติดใจใหญ่
ไก่ย่างด้วยเป็นไร อร่อยแน่จริงเอย
"เบื้องหลังการแต่งเพลงของข้าพเจ้า" ทรงเล่าความไว้ว่า
" เพลงแรกที่แต่งเป็นเพลงลูกทุ่ง ชื่อว่า เพลงส้มตำ ขณะนั้นข้าพเจ้าเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนจิตรลดา"
ต่อมาทรงพระราชนิพนธ์ตามที่มีผู้ขอพระราชทาน เช่น เพลงเต่ากินผักบุ้ง เพลงพญาโศก ลมพัดชายเขา กล่อมนารี และสร้อยเพลง
ทรงพระราชนิพนธ์ พระราชทานเป็นเพลงกล่อมสอนเด็ก คือ เพลงเต่าเห่
ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อทรงศึกษาวิชาวรรณคดีกับดนตรีไทย ได้แก่ เพลงลมพัดชายเขาเถา สมิงทอง จำปานารี
และเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ใส่เนื้อ คือ เพลงปลาทองเถา และอกทะเลเป็นต้น
เพลง " ส้มตำ" บรรเลงครั้งแรกโดยวง อ.ส. วันศุกร์ โดยทรงขับร้องด้วยพระองค์เอง
ต่อมามีผู้ขอพระราชทานนำเพลงนี้ไปประกอบภาพยนตร์ เรื่อง ส้มตำ (พ.ศ. 2516 และ 2551) ขับร้องโดยบุปผา สายชล และนำไปขับร้องโดยพุ่มพวง ดวงจันทร์ ในงาน กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 และขับร้องบันทึกเสียงโดยสุนารี ราชสีมา
หน้าที่เข้าชม | 1,872,892 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 716,410 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 ม.ค. 2555 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |